* * *
วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2557 (20141115)
วันนี้มีคลาสฝึกหายใจเตรียมคลอดตอนบ่ายโมงตรง สามีโทรไปถามได้ข้อมูลมาว่าควรแต่งตัวให้สบายๆ
ไปถึงก็ลงทะเบียนตามชื่อที่จองไว้ก่อน แล้วก็เข้าไปนั่งรอในห้อง ต้องนั่งพื้นเลยเข้าใจแล้วว่าทำไมให้แต่งตัวสบายๆ โดยเฉพาะกางเกง คนที่บรรยายเป็นคุณหมอ จริงๆพวกคลาสต่างๆที่มีของโรงพยาบาลจะเป็นคลาสของคุณหมอสูตินี่แหละ แต่หมอสูติเราไม่มีคลาส คงเพราะเค้าเป็นถึง vice president แล้วอ่ะนะ ตำแหน่งสูงๆงานก็น้อยลงหน่อย แต่ความรับผิดชอบมากขึ้น ^^
เริ่มแรกคุณหมอก็แนะนำให้รู้จักกับตุ๊กตาเด็กทารก ตัวเด่นของงาน.....หน้าตาประหลาดมาก -__-" แล้วก็ให้สามีภรรยานั่งหันหน้าเข้าหากัน (คลาสนี้ต้องมาคู่ ห้ามมาเดี่ยว) ให้สามีจับที่พุง แล้วภรรยาเอาแขนทั้ง 2 ข้างกอดคอไว้ หลังจากนั้นก็เปิดเพลงให้ฟัง
เราไม่เก่งเกาหลี แต่เข้าใจเนื้อเพลงนี้ทั้งหมดทุกคำ ทุกประโยค เพราะศัพท์มันไม่ยากเลย เนื้อเพลงประมาณว่า "เป็นรักที่เฝ้ารอมานาน เป็นรักที่เกิดขึ้นแล้ว" วนเวียนอยู่อย่างนี้....เชื่อมั๊ย ฟังไปน้ำตาคลอไปเลย เป็นรักที่รอมานานจริงๆ รอมา 2 ปี กับอีก 30 กว่าสัปดาห์แล้วเนี่ย ใกล้จะได้เจอกันละนะ :')
แล้วคุณหมอก็อธิบายเกี่ยวกับสายสะดือ รก น้ำคร่ำ position ของเด็กที่อยู่ในครรภ์ว่า เด็กกลับหัว และหมอบเอาหน้าคว่ำคือ position ที่ดีที่สุดในการคลอด และเพิ่งรู้ว่าสายสะดือมีความยาวประมาณ 50 cm เลยทีเดียว อีกอย่างคนเกาหลีก็คิดเหมือนคนไทยเลยว่า พุงแหลมคือเด็กชาย พุงกลมคือเด็กหญิง แต่คุณหมอบอกว่าไม่เกี่ยวเลย ขึ้นอยู่กับสรีระของร่างกายคุณแม่ล้วนๆ
คุณหมอเน้นเรื่องคุณพ่อมากๆ เค้าอธิบายถึงอาการต่างๆของคุณแม่ช่วงไตรมาส 3 และบอกคุณพ่อว่า ขอให้เข้าใจภรรยาเรื่องอาการต่างๆด้วย เพราะเค้าอุ้มท้องลูกของคุณอยู่เหมือนกัน :)
มีช่วงนึงคุณหมอให้มองหน้ากัน กำมือขึ้นแล้วพูดว่า เราต้องทำได้ (잘 할 수 있어!!) ประมาณว่าเราจะผ่านช่วงคลอดอันแสนเจ็บปวดไปด้วยกันได้อ่ะนะ
และเวลาที่เจ็บท้อง พยายามอย่าร้องโอ๊ย หรือโวยวายอะไร เพราะมันจะสื่อถึงลูกในท้องทั้งหมด แต่ให้พยายามคิดถึงสิ่งที่อยากทำหลังจากคลอดแล้ว พอผ่านช่วงนี้แล้วเราอยากทำอะไรมากที่สุด เพื่อเป็นแรงบรรดาลใจ....
สามีก็หันมาถามว่า ยูอยากทำอะไร เราเลยตอบว่า.......อยากกินเค้ก 55555555 เพราะไม่ได้กินเค้กมานานมากกกกกกกกกกเลย อยากกินเค้กช็อคโกแล็ต เค้กหน้านุ่มเยิ้มๆ พอบอกเสร็จสามีขำใหญ่ 55555 แต่เอาจริงๆหลังคลอดก็คงไม่กล้ากินเค้กเยอะหรอก กลัวนมตัน >___<
อีกอย่างคือ เมื่อลูกรับรู้ถึงความรู้สึกของแม่ แม่ก็ควรจะคิดแต่สิ่งดีๆ เช่น รักลูกนะ บลา บลา อันนี้เหมือนที่ครูโยคะบอกเลย แต่เวลาอยู่ในคลาสโยคะ ตอนที่ครูให้ทำสมาธิ หายใจเข้า-ออก พร้อมกับคิดถึงสิ่งดีๆเวลาคุยกับลูก แต่เรานี่คิดอยู่อย่างเดียว กลางวันนี้จะกินอะไรดี ในหัวมีแต่เรื่องกิน -_______-"
แล้วก็มีสอนสามีให้นวดภรรยา นวดท้อง นวดขา นวดไหล่ แล้วก็สอนฝึกหายใจเวลาเจ็บท้อง และช่วงคลอด รวมถึงการผ่อนคลายหลังจากที่คุณหมอดึงลูกออกมาจากช่องคลอดแล้ว คุณหมอบอกว่าพอคลอดแล้วจะวางลูกไว้บนอกแม่ เพื่อรับความอบอุ่น และดูดนมจากเต้า และมีสอนท่าบริหารกระดูกเชิงกราน จะได้คลอดง่ายๆ ซึ่งท่ามันเหมือนในคลาสโยคะที่เรียนเลย โชคดีมากๆ ^^
ตอนท้ายของงาน มีวีดีโอคลิปการคลอดลูกให้ดู แต่เด็กหันหน้าขึ้น ไม่ได้คว่ำหน้า และหมอไม่เร่งดึงเด็กให้ออกมา เพราะสายสะดือพันคอ 3 รอบ แต่ให้คุณแม่ค่อยๆเบ่งออกมาแทน พอเด็กคลอดออกมาหมด ก็เอารกที่พันคอออก เด็กก็เริ่มร้องเลย แสดงว่าปลอดภัยดี ดูคลิปแล้วเราก็น้ำตาไหลอีกละ รอบนี้ไหลออกมาเลย sensitive มาก 555 จริงๆเราก็คิดๆไว้หลายครั้งแล้วว่าพอได้เห็นหน้าลูก เราต้องร้องไห้แน่ๆ ;p
หันไปถามสามีว่า ยูรู้สึกยังไงบ้างกับคลาสนี้ สามีตอบกลับมาว่าดีกว่าที่คิดไว้ และเพิ่งรู้ด้วยว่าหมอจะกรีดช่องคลอดตอนคลอดด้วย ><
อ่อ คลอดที่เกาหลีไม่เสียเงินนะ ปกติตอนคนที่ทำ iui แบบเราก็จะได้เงินช่วยจากรัฐบาลด้วย แต่คู่เราไม่อยู่ในเงื่อนไข เลยต้องจ่ายเองทั้งหมด สาเหตุที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขไม่ใช่เพราะเป็น international marriage couple แต่เป็นเพราะสามีเงินเดือนสูงกว่าที่เค้ากำหนดไว้ แต่ทุกคู่จะมีเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอื่นๆเกี่ยวกับลูก 500,000 วอน ซึ่งต้องเอาใบจากโรงพยาบาลไปเปิดบัญชี แล้วทางรัฐจะโอนเงินเข้ามาให้รวดเดียว แต่บัตรนั้นไม่สามารถเอาไปรูดซื้อของอย่างอื่นได้ ให้ใช้ที่โรงพยาบาลเท่านั้น ป้องกันคนเอาเงินไปใช้อย่างอื่น
เพราะทางรัฐกำลังรณรงค์ให้คนมีลูกกัน คนสมัยนี้มีลูกช้า บางคู่ก็ไม่อยากมี ซึ่งมันทำให้เกิดปัญหาไม่มีคนจ่ายภาษี เพราะเงินภาษีส่วนนึงเป็นสวัสดิการของคนที่เกษียณแล้ว รัฐจะให้เงินดูแล และมีบ้านเช่าราคาไม่แพง ซึ่งถ้าคนจ่ายภาษีน้อย เงินก็ไม่พอกับสวัสดิการตรงนี้ :)
จบคลาสแบบแฮปปี้ดี ขออัพเดทอาการคุณแม่หน่อย
ถ่ายตอน 35 วีคพอดี
// รอบพุง 35.5 นิ้วแล้ว พุงยังไม่แตกลาย แต่จะแตกตอนโค้งสุดท้ายมั๊ยนี่ต้องรอดูอีกที
// ยังเจ็บหัวหน่าวซีกขวาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นอาการปกติ
(เมื่อวันก่อนเจ็บหัวหน่าวแล้วพาลมาเจ็บเชิงกรานด้วย แต่ก็เป็นแค่ครั้งเดียว ไม่เป็นอีกเลย)
// ไม่อึดอัดหลังจากกินอาหารแล้ว เริ่มกินได้เยอะขึ้น คงเพราะลูกเริ่มลงต่ำแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้
// กินน้ำเยอะมาก(มานานแล้ว อ่านเจอว่าคนเป็นเบาหวานจะกินน้ำเยอะ ฉี่เยอะ ลูกเลยฉี่เยอะตาม พอลูกฉี่เยอะ น้ำคร่ำก็จะเยอะกว่าคนปกติ) แต่ช่วงนี้กินเยอะขึ้น กินทั้งวัน ไม่เคยต่ำกว่า 2 ลิตร บางวันนี่ถึง 4 ลิตรกันเลย คงเพราะอากาศแห้งขึ้น คอเลยแห้งมาก (ทำให้ฉี่ทั้งวันทั้งคืนด้วย ><) และกินแต่น้ำเย็น ขนาดช่วงนี้หน้าหนาวแล้ว ตอนเช้าอากาศเริ่มติดลบ ก็ยังกินแต่น้ำเย็นฉ่ำๆ
// เบื่ออาหาร ไม่อยากจะทำอาหาร ไม่อยากคิดเมนู แต่อยากกินขนมปัง ของหวานๆ แต่จะพยายามห้ามใจ กินชิ้นเล็กๆให้หายอยากพอ
// น้ำหนักขึ้นโดยรวม 11 กิโลละ แต่ถ้าเทียบน้ำหนักก่อนท้องก็ขึ้นมา 6 กิโล สามีบอก แขนยูเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว 55555
// รู้สึกร้อนเป็นบางคืน(ทั้งๆที่อากาศหนาว และไม่ได้เปิดบอยเลอร์หรือฮีทเตอร์) ร้อนจนเหงื่อแตก เสื้อเปียก นอนไม่หลับ ><
// รู้สึกคล่องตัวมากกว่าช่วงวีค 33-34 คงเพราะขาชาน้อยลงด้วย และขาก็มีแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เดินได้ปกติไม่มีปัญหา ไม่ต้องพักเยอะเพราะขาชา
// แต่ยังนอนได้แต่ตะแคงซ้าย ตะแคงขวาได้ไม่นาน เพราะตะแคงขวานานๆแล้วแขน-ขาขวาชา
// เริ่มรู้สึกว่า เข็มขัดรัดพุงมันทำให้อีดอัด หลังๆมานี่เลยไม่ได้ใช้เลยแฮะ แต่คงเพราะใส่กางเกงตัวเดิมๆที่เคยใส่ก่อนท้อง ช่วงยางยืดตรงเอวมันก็เลยไปช่วยพยุงท้องเวลาเดินได้นิดหน่อย เวลาเดินเลยสบายๆ
// สะดือจุ่นครึ่งบนครึ่งเดียว ทำไมกัน -_____-"
// ท้องแข็งจำนวนครั้งน้อยลง แต่ลูกสะอึกบ่อยมาก สะอึกทุกวัน บางวันยาวเป็นนาทีเลย แต่หาข้อมูลในเนทมาแล้วว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอันตรายใดๆ
// ชอบมองพุงตัวเองในกระจกมากๆ มองมานานหลายวีคละ มองแล้วก็ลูบๆคลำๆ ยิ้มไปยิ้มมาเหมือนคนบ้า ที่มีความสุข 5555 :D
ปล. สามีเล่าให้ฟังว่า เค้าอ่านเจอการทดลองนึง ให้ผู้ชายลองเจ็บให้เท่ากับตอนที่ผู้หญิงคลอด ผลปรากฏว่า ผู้ชายทนได้แค่ 1 นาที 5555 แล้วก็หันมาถามว่า ยูไหวมั๊ย
เลยตอบกลับไปว่า เพราะผู้หญิงไม่มีทางเลือกอ่ะ เจ็บยังไงก็ต้องทนจนคลอดนั่นแหละ แต่ถ้าโลกนี้สร้างผู้ชายมาให้เป็นคนคลอดลูก ผู้ชายก็จะทนเจ็บได้เหมือนกันนั่นแหละนะ
สามีถามอีกว่า ยูจะบล็อคหลังมั๊ย.....จริงๆเรื่องนี้เราลังเลอยู่นะ เพราะได้ยินมาว่า ถ้าไม่บล็อคหลังจะรู้ว่าควรเบ่งตอนไหนอ่ะ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าปากมดลูกจะเปิดไวแค่ไหน บล็อคทันรึเปล่า แต่ก็ไม่รู้ตัวเองจะทนเจ็บได้นานแค่ไหนเหมือนกัน สามีเลยบอกว่า ถ้าทนไม่ไหวก็บล็อคหลังเถอะนะ ^^