Thursday 25 December 2014

How nice meet you :)

แวะมาอัพเดทเล็กน้อย ว่าคลอดแล้ว คลอดธรรมชาติสมใจแม่ แต่เดี๋ยวไว้ค่อยมาเล่าประสบการณ์คลอดอีกที ^____^

ปล. ตอนนี้คิดถึงจินดัลเรมากๆ อีก 2 อาทิตย์เลยกว่าจะได้เจอ เพราะต้องรอออกจาก postnatal care center ก่อน จินเลยต้องไปอยู่บ้านแม่สามีชั่วคราว T__T



Sunday 21 December 2014

40w 1d - Toxemia of Pregnancy


* * *
วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2557 (20141219)


สามีลางานวันนี้ แล้วพาไปโรงพยาบาล แวะส่องราโฮปน้อยซะหน่อย
ก็ตาม process เดิมๆ ช่างน้ำหนัก วีคนี้ไม่ขึ้นเหมือนเดิม แถมยังลดลงไป 0.1 kg 555 แต่มีปัญหาเกิดขึ้นคือ....ความดันขึ้น 140/89 และตรวจเจอโปรตีนรั่วในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่ในห้องตรวจก็ถามว่าตอนนี้มีเลือดออกบ้างรึยัง แต่ก็ยัง เอาง่ายๆคือไม่มีอาการเจ็บท้องใกล้คลอดเลย แต่ก็มีเจ็บเตือนๆบ้างเล็กน้อย

พอเข้าไปพบหมอ หมอเห็นผลความดันกับปัสสาวะแล้วก็บอกว่า....มีภาวะครรภ์เป็นพิษ แต่เป็นแบบอ่อนๆ เพราะโปรตีนไม่ได้รั่วเยอะ และความดันไม่ได้สูงจนเป็นอันตรายกับแม่และลูกขนาดนั้น แต่ก็แนะนำให้เร่งคลอด ซึ่งก็คือวันจันทร์นี้ล่ะ 

ซาวด์แล้วราโฮปน้อยแข็งแรงดี อัตราการเต้นของหัวใจก็ปกติ น้ำหนักประมาณ 2900 กรัมละ หมอบอกวันคลอดก็น่าจะประมาณ 3100 กรัม กำลังดี คงคลอดไม่ยาก ^^
บอกอีกว่า ให้เร่งคลอดวันจันทร์ แต่อาจจะคลอดวันอังคารก็ได้ โอวววว หวังว่าจะไม่ข้ามวันขนาดนั้น >____<

กลับมาบ้านก็ลองเสริชหาบทความครรภ์เป็นพิษดู ที่น่าสังเกตคือ เราไม่มีอาการบวม แต่ที่ชัดเลยคือ ฉี่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และเบาหวาน นี่ยังโชคดีมาเป็นเอาตอนครบกำหนดคลอดแล้ว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงเครียดน่าดู เฮ้อ...

แต่ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีนะ ใกล้ได้เจอกันเต็มที่ละ ไม่ต้องรอลุ้นเจ็บเตือนเจ็บหลอกอีกต่อไป แต่ข้อเสียคือ....ได้ยินว่ามา ใช้ยาเร่งคลอด(ซึ่งไม่มีผลกระทบกับลูก) มันทำให้เจ็บยิ่งกว่าเจ็บท้องคลอดเองอีก แต่ก็นะ ขอให้ไม่โดนผ่าก็พอ เป็นไงเป็นกัน สู้ๆ!!!!





ปล. รูปถ่ายวันนี้ 40w 3d ท้องลดแล้ว แฮ่~~~

Saturday 20 December 2014

Parcel from Switzerland



* * *

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา สามีกลับขึ้นมาบนบ้านพร้อมพัสดุจากสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อนญี่ปุ่นที่แต่งงานกับเพื่อนเสปน แต่อาศัยอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ ส่งของมาให้
เพื่อนทั้ง 2 คนนี้เจอกันที่โรงเรียนสอนภาษาที่นิวซีแลนด์ เหมือนคู่เรากับสามีเลย แต่จริงๆเค้า 2 คนสนิทกับสามีมากกว่า เพราะเรียนห้องเดียวกัน แต่เพราะเราเล่นฟบ. และสามีนี่หายไปจากโลกโซเชี่ยลมาก เลยทำให้เราอัพเดทชีวิตกับเพื่อนญี่ปุ่นบ่อยๆ ตอนที่ไปทัวร์ยุโรปเมื่อต้นปี 2013 ก็ได้เจอเพื่อนทั้ง 2 คนนี้ด้วย พร้อมอุ้มลูกสาวหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตามาเจอ ^^



เพื่อนส่ง ib ผ่านทางฟบ.ของเรามาแสดงความยินดีตั้งแต่รู้ว่าเราท้อง และขอที่อยู่ไว้เพราะจะส่งของมาให้ในเดือนที่กำหนดคลอด ซึ่งก็คือเดือนนี้ล่ะ :)





มีการ์ดคริสมาส การ์ด congrats และจดหมายลายมือจากเพื่อนญี่ปุ่นแสดงความยินดี และบอกว่าชีวิตหลังจากมีลูกจะเปลี่ยนไป แต่จะมีความสุขมากๆ :D





เสื้อของราโฮปน้อย น่ารักมากกกกกกกกกก ไซส์สำหรับ 6-9 เดือน น่าจะใส่ได้ช่วงสปริงพอดีเลย
ตอนนี้สามีแซว จากที่เรากังวลว่าเสื้อราโฮปน้อยน้อยไปรึเปล่า ตอนนี้มีเต็มเลย 55555





ในห่อมี wooden cow toy แล้วก็ Chocolate
ตอนนี้มี Chocolate รอให้กินเยอะมาก หลังคลอดจะไม่ผอมเพราะงี๊แน่ๆ -____-'





เอาน้องวัวมาตั้งไว้กับมุมคริสมาสเล็กๆของบ้าน น่ารักมากเลย ^.^



ปล. ตอนแรกคิดว่าคงได้อัพอีกทีหลังคลอด แต่ได้พัสดุจากเพื่อนมากเลยอยากมาบันทึกเอาไว้ก่อน :D















Wednesday 17 December 2014

40 weeks - my first pregnant diary has (almost) come to the end


* * *

พรุ่งนี้วันพฤหัสที่ 18 ธันวาคม 2557 (20141218)


พรุ่งนี้อายุครรภ์ครบ 40 สัปดาห์แล้ว เป็นวันดิวเดท แต่ดูท่าแล้วคงจะยังไม่ได้คลอด 55555 แต่ก็รีบมาอัพบล็อคก่อน เพราะรู้สึกว่าเริ่มมีอาการเจ็บเชิงกรานไปถึงด้านหลังบ้างแล้วเวลาที่ราโฮปน้อยดิ้น แต่ก็ไม่ได้ถี่หรือเจ็บมากจนถึงขั้นต้องไปโรงบาลเอาตอนนี้


หลังจากที่ป่วยเมื่อวันศุกร์ อาการก็ค่อยๆดีขึ้น แต่จนมาถึงวันนี้ก็ไม่ได้หาย 100% หูซ้ายยังอื้ออยู่ตลอดเวลา ยังเดินเซบ้างนิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นเยอะ ราโฮปน้อยดิ้นเยอะกว่าก่อนหน้านี้อีก ดีที่กินได้ปกติ แล้วก็ลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่ได้ ^^

สามีก็ถามเพื่อนเค้าที่เป็นหมอถึงอาการเรา เพื่อนก็ไปถามหมอหู หมอสมอง และหมอสูติต่อ สรุปได้ว่ามันเป็นอาการนึงของคนใกล้คลอด และมันเกี่ยวกับสมอง หูไม่ได้เป็นอะไร(แต่ส่วนตัวเราก็ยังรู้สึกว่ามันต้องเกี่ยวกับหูเรานี่แหละ แต่เดี๋ยวคลอดแล้วค่อยไปหาหมอตรวจอีกที ไปตอนนี้หมอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะที่นี่แทบจะไม่ให้ยาคนท้องเลย) แต่คลอดแล้วอาการจะหายไปเลยมั๊ยนี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน >___<

สามีก็อยากให้หายไวๆ แต่ก็บอก(ปนขู่)ว่า ถ้ายูไม่แข็งแรงตอนคลอด ไม่มีแรงเบ่ง หมอแนะให้ผ่าไอก็จะเซ็นให้หมอเค้าผ่าคลอดนะ เพราะไอก็อยากให้แม่แข็งแรงหลังคลอดเหมือนกัน.....ขู่แบบนี้รีบหายเลย  เพราะถ้าคลอดเองต้องใช้พลังในการเบ่งมากๆ เรากลัวโดนผ่า T______T
แต่ก็คิดว่าไหวแหละ ต้องไหวสิ หวังว่าโยคะที่เล่นมาเกือบ 4 เดือน จะช่วยให้คลอดง่ายๆ ^^
จริงๆนี่ถ้าวีคนี้ไม่ป่วย ก็คงยังออกไปเรียนจนกว่าจะคลอดนี่แหละ



สามีบอกอีกว่า เพื่อนเค้าที่เป็นหมอบอกมาว่าให้พยายามขยับตัว อย่านอนอยู่บนเตียงอย่างเดียว เพราะมันทำให้เรามึน ก็เลยลุกขึ้นมาจัดบ้าน เก็บกระเป๋า ซักผ้า เล็มขนจินดัลเร จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ตอนนี้เหลือแค่รีดพวกเสื้อเชิ๊ต+สูทของสามี แล้วก็พับผ้าก็เสร็จหมดเรียบร้อย สบายใจก่อนคลอด :)





มาอัพเดทกระเป๋าสำหรับ Day Care หน่อย

 



 กระเป๋าสำหรับ Day Care ที่จะไปอยู่ 2 อาทิตย์ เราใส่กระเป๋าลากใบเล็กไป(ตามที่เห็นจากบล็อคคนเกาหลี) เค้าจะมีลิสของที่ต้องเอาไป แต่เราก็เพิ่มของบางอย่างเข้าไปด้วย ของข้างในก็มี


// เสื้อ Heattech จริงๆเค้าจะใส่แบบที่ให้นมได้กัน แต่เรารู้สึกว่าไม่จำเป็นยังไงไม่รู้ ไม่อยากเปลืองเงินซื้อเพิ่มเลยเอาที่มีอยู่นี่แหละไป แต่ก็ไม่รู้จะได้ใส่รึเปล่าเพราะใน Day Care จะเปิดบอยเลอร์ตลอดเวลา รู้เลยว่าต้องร้อน เหอๆ


// เสื้อสำหรับใส่กลับบ้าน 1 ชุด กางเกงใส่ตัวเดิมที่ใส่ไปคลอด ;p


// เสื้อชั้นใน กางเกงใน

// ถุงเท้า


// ทิชชู่ และทิชชู่เปียกสำหรับใช้ในห้องน้ำ ทิ้งลงชักโครกได้เลยเพราะมันละลายน้ำ


// กระบอกน้ำ ไว้ใส่น้ำมากินในห้องนอน


// ที่รองนั่งโดนัท


ส่วนหมอนรองให้นมนี่กะว่าจะไปลองใช้ที่ day care ดูก่อนว่าถนัดมั๊ย เลยยังไม่ได้ซื้อ






 รูปคู่ใบเล็กสำหรับวันไปคลอด และใบใหญ่สำหรับวันที่ย้ายไป Day Care ^^







 เตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปโรงบาลพร้อมเรียบร้อย จะได้ไม่ต้องวิ่งหยิบมาใส่ ^^








 อวดเตียงหน่อย เตียง(เช่า)มาส่งแล้วเมื่อวันเสาร์ จัดการยัดของไว้ข้างใต้เรียบร้อย บ้านจะได้ไม่รกมาก เช่าไว้ 1 ปี ราคา 90,000 วอน ก็ประมาณ 2700 บาทไทย

เสียตรงที่เพราะเป็นเตียงเช่า เลยเลือกสีของ bumper ไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร :D

ตอนนี้ยังไม่ได้ปูเตียง กะว่ากลับมาบ้านก่อนค่อยปู เพราะกลัวฝุ่นลง แล้วก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีพวกตุ๊กตาอะไรเลยอยู่บนเตียงเด็ดขาด ป้องกัน Sudden Infant Death Syndrome(SIDS) และป้องกันฝุ่นด้วย



พอจัดบ้านอะไรเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลา.....





ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆ





หน้าตาไม่เต็มใจ แต่ตอนเล็มขนให้ก็จะนิ่งๆอยู่เฉยๆ มีดุ๊กดิ๊กบ้างเล็กน้อย ตามประสาหมาใจดี XD~



รอบนี้ใช้เวลานานหน่อย เพราะก้มกัวมากไม่ได้เดี๋ยวมึน ก็แค่เล็มขนที่ตา หน้าผาก(ปีนี้คงไม่มีเวลามัดจุกให้) ไถขนที่เท้า ตูด และจิมมี่ ละก็หวีขนที่ตัวนิดหน่อย






เสร็จแว๊วววว ถึงจะหนาว อากาศติดลบ จินดัลเรก็ยังชอบไปนั่งดูนกที่ระเบียงบ้านนะ

ปล. เล็มขนแล้วจริงๆ แต่ทำไมดูไม่เปลี่ยนแปลง -____-"





เหมือนยังไม่ได้เล็มขนเลยจริงๆ -"-

ส่งรูปนี้ไปให้สามีดู โดนบ่นกลับมา เพราะว่าบริษัทที่ให้เช่าเตียงเค้าขอไว้ว่าอย่าให้หมาขึ้น....แล้วก็ไม่บอกก่อนเนอะ พาขึ้นไปแล้วอ่ะ -"-
เพราะต้องคิดเผื่อคนที่เช่าต่อด้วย เราไม่รู้ว่าเด็กที่จะนอนต่อเค้าจะแพ้ขนหมารึเปล่า ถึงแม้ว่าบริษัทเค้าจะทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคก่อนส่งตามบ้านแล้วก็ตาม เราก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย แอบรู้สึกผิด ><





อัพเดทพุง 39 วีค 6 วัน รอบพุงลดลงจาก 36.7 นิ้ว เหลือ 36.5 นิ้วเฉยเลย นอนป่วยกินไม่ได้ไปแค่ 4 มื้อเองนะ นอกนั้นก็กินปกติ

เห็นรูปพุงคนอื่นๆที่อายุครรภ์ใกล้ๆกันแล้ว เออ....พุงเราเล็กจริงๆอ่ะ แต่ราโฮปน้อยก็ไม่ได้ถือว่าเล็กมากกกกกกขนาดนั้นนะ แปลกดี







ปล. เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา นอนมึนอยู่บนเตียง อยู่ได้แต่ในบ้าน ก็บอกสามี นี่ไออุตส่าห์คิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะไปกิน brunch กันนะ แล้วก็ไปโน่นนี่กันนะ เป็นเดทครั้งสุดท้ายของเรา 2 คนเลยนะ....พูดจบสามีบ่น ยูห้ามพูดแบบนี้นะ มีแค่เรา 2 คนที่ไหน ราโฮปน้อยได้ยินแล้วจะเสียใจเอา -___-


ปล. ยังรู้สึกขอบคุณสามีมากๆเหมือนเดิม ที่ดูแลเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะก่อนท้อง ตอนท้อง ตอนแพ้ท้อง ตอนไม่สบาย แต่พอบอกขอบคุณไปก็บอกกลับมาตลอดว่า I did nothing. :)
 อย่างวีคนี้ไม่สบาย สามีจะแวะซุปเปอร์หลังเลิกงาน โทรมาถามว่าอยากกินอะไร คอยทำอาหารให้ ดูแลดีมากๆ นึกภาพผู้ชายใส่สูท ผูกเน็คไท ถือตะกร้าเดินจ่ายตลาดแล้วน่ารักเนอะ ^^


ปล. สามีเล่าให้ฟังว่า ภรรยาของจูเนียร์ที่ทำงาน เค้าคลอดไวมาก ท้องแรกใช้เวลา 1 ชั่วโมง หลังจากที่ไปถึงโรงบาลก็คลอดแล้ว ส่วนท้องสอง 30 นาทีคลอด อันนี้ก็ไวไปหน่อย กลัวสามีจะกลับมาไม่ทันนะ -__-
เลยมากำชับเราว่า ถ้าไม่มั่นใจว่าเจ็บจริงหรือเจ็บหลอก ก็ให้รีบโทรมาบอก จะได้รีบกลับบ้านมารับ ไปโรงบาลก่อนสบายใจกว่า


ปล. เอนทรี่นี้คงจบไว้เท่านี้ เจอกันอีกทีคงหลังคลอดเลยเน้อ ตื่นเต้นมากกกกกกก จะได้เห็นหน้าแล้ว ^_________^








Sunday 14 December 2014

39w - Imbalance body


แวะมาอัพเดทอย่างด่วนผ่านมือถือ เพราะเพิ่งจะมีแรง




วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2557 (20141212)



ตื่นมาตอนประมาณ 9 โมงเช้า เปลี่ยนเสื้อเตรียมตัวออกไปเรียนโยคะตามปกติ แต่จะออกไปไวหน่อยเพราะกะจะไปนั่งกินอาหารเช้านอกบ้านก่อนเข้าเรียน ปรากฏว่าพอเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ประมาณเกือบๆ 10 โมงได้ ก็เกิดอาการบ้านหมุน ตอนแรกนึกว่าเพราะหิวมากๆ หิวจนไส้กิ่ว ช่วงนี้เราหิวมากๆแบบนี้บ่อย บางทีกินข้าวไปมือสั่นไปเลย ก็เลยเดินไปหยิบนมถั่วเหลืองมากินรองท้อง ปรากฏว่ากินไปได้แป๊บนึงก็วิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ แล้วก็รู้สึกหนักหัวมาก เดินไม่ตรงเลย เหมือนคนเมา

ผ่านไปสักพักก็ลองกินข้าวดู พลาดตรงที่เราไม่คิดว่าจะป่วย เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดบ้านไว้ เพราะคิดว่ายังไงก็จะออกไปเรียนโยคะอยู่แล้ว ปกติจะแวะซื้อของหลังเลิกเรียน

อาศัยว่ามีข้าวกับสาหร่ายเลยลองกินดู ปรากฏว่าก็อาเจียนออกมาอีก ที่แย่คือเดินแทบไม่ได้ เพราะเซตลอด กลัวล้ม กลัวลูกเป็นอะไรไป เลยตัดสินใจโทรหาสามีให้กลับมาบ้านแล้วพาไปโรงบาล
เรียกได้ว่าหิ้วปีกไปโรงบาลเลย เพราะเดินเองไม่ได้ ไปถึงรถปิดประตู ยังไม่ทันจะออกรถก็ลงไปอาเจียนอีกรอบ ทิ้งท้ายก่อนไปโรงบาล
แต่โชคดีที่มาถึงก่อนหมอจะพักเที่ยงแป๊บเดียว ><

ตอนที่สามีหิ้วปีกพาไปโรงบาล เราก็ร้องไห้ไปด้วยตลอดทาง สามีก็ปลอบใจตลอด ไออยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ ^_^

วัดความดันได้ 126/89 น้ำหนักวีคนี้ไม่ขึ้น อเมซซิ่งมาก

พอเข้าไปพบหมอ(สูติ) สามีก็เล่าอาการให้หมอฟัง หมอก็ถามว่าปวดท้องมั๊ย ก็ไม่ปวด มีจามบ้างมั๊ย ท้องเสียบ้างรึเปล่า ก็ไม่ แค่หนักหัว เดินไม่ตรง ไม่บาลานซ์เลย เหมือนคนเมา

หมอเลยให้นอนให้น้ำเกลือประมาณ 2 ชั่วโมงได้(เกิดมาเพิ่งเคยนอนให้น้ำเกลือเป็นครั้งแรกเลย เชื่อมั๊ย -__-) แล้วก็ใส่เข็มขัดเช็คคลื่นหัวใจลูก หลังจากนั้นก็ไปพบหมออีกรอบ

หมอเห็นว่ายังต้องคอยพยุงเดินอยู่ก็ตกใจ ให้น้ำเกลือแล้วแต่ไม่ดีขึ้นเลย หมอบอกว่า บางทีก็จะมีอาการสำหรับคนใกล้คลอดที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่เราลองหาข้อมูลผ่านเนทแล้วไม่เจอเลย

จำได้ว่าก่อนหน้านี้ปวดหูซ้าย เพิ่งจะหายได้ประมาณเดือนเดียว ไม่รู้อาการมันมาต่อเนื่องรึเปล่า อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับว่าท้องไม่ท้อง

แต่ที่โล่งใจคือ ราโฮปน้อยไม่เป็นอะไร ยังแข็งแรงดี แถมยังดิ้นบ่อยอีกต่างหาก

หมอให้ดูอาการเสาร์-อาทิตย์นี้ดูก่อน ถ้ายังเป็นต่อเนื่องอาจจะให้เร่งคลอด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ผ่า(ถ้าไม่จำเป็น) เพราะที่เกาหลีไม่มีผ่าตามฤกษ์ :)


...ตอนที่นอนให้น้ำเกลืออยู่ มีคุณแม่กำลังจะคลอดคนนึง คงเจ็บมาก เพราะร้องดังมากกกกกก ร้องตลอดเวลา สามีก็หันมาแซว ยูจะร้องดังขนาดนี้มั๊ย แหมมมมม

แต่ก็แปลกนะ ถึงจะได้ยินเสียงร้องแบบเจ็บปวดขนาดนี้ เราก็ยังกลัวการผ่าคลอดมากกว่าคลอดเองอีก >___<


กลับมาบ้าน นอนพัก พอตอนเย็นกินข้าวก็อาเจียนเหมือนเดิม อาเจียนแม้แต่น้ำเปล่า หมดแรงไปเลย


วันนี้เลยไม่ได้อัลตราซาวนด์ อดเห็นหน้าราโฮปน้อยเลย ไม่รู้น้ำหนักเท่าไหร่แล้ว เพราะหมอให้รัดเข็มขัดเช็คคลื่นหัวใจเอา ><





วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2557 (20141213)



ตื่นเช้ามาก็อาการเดิม บ้านหมุน อาเจียนน้ำย่อย ตอนเช้าสามีต้มซุปสาหร่ายให้ กินเสร็จก็อาเจียนอีกรอบ T T
เดาว่าอาเจียนเพราะหัวหมุนตลอดเวลาด้วย เหมือนคนเพิ่งกินข้าวเสร็จแล้วไปเล่นรถไฟเหาะน่ะ

วันนี้ก็นอนทั้งวันเหมือนเดิม รู้สึกว่านอนหันขวาจะทำให้สบายตัวที่สุดแล้ว หันซ้ายเมื่อไหร่บ้านหมุนเมื่อนั้น ยังต้องให้สามีพยุงเป็นบางเวลา

พอมาบ่ายๆ เริ่มจับทริคได้ หลังกินอาหารต้องนั่งตะแคงแล้วเอนตัวไปทางขวา และต้องอยู่นิ่งๆ พยายามตั้งสติมากๆเพื่อไม่ให้บ้านหมุน จะได้ไม่อาเจียน ตอนเย็นหลังอาหารก็ทำแบบนี้อีก ปรากฏว่าสำเร็จ เราพยายามจะไม่อาเจียน กลัวลูกไม่ได้รับสารอาหาร :)

แต่ก็ยังหันซ้ายไม่ได้ ถ้าเอนหัวไปทางซ้ายเมื่อไหร่ จะล้มลงทันที ขณะที่ถ้าเป็นด้านขวา จะค่อยๆพยุงตัวเองได้ ><
หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะดีขึ้นกว่านี้




ปล. พอไม่สบายแล้วอาการเจ็บหัวหน่าวกับจิมมี่หายไปเลยแฮะ หรือเพราะหมดแรงจนลืมไปว่าเจ็บก็ไม่รู้ -__-"

ปล. เพิ่งจะอัพบล็อคก่อนหน้าว่าโชคดี นอกจากเบาหวานแล้วก็ไม่มีอะไร มาวีคนี้งานเข้าเลย อะไรกันนนน

ปล. วันก่อนหน้าก็เพิ่งจะออกไปชอปปิ้งห้างเปิดใหม่อยู่เลย ><

ปล. ขอบคุณสามีมากๆ ดูแลเราดีมาก ทำให้ทุกอย่างไม่มีฟึดฟัดรำคาญใจเลย แถมยังบอกแต่ sorry ตลอดเวลา เค้าว่ารู้สึกผิดที่เราไม่สบาย

ปล. การนอนกอดพุงสามี ทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมจินดัลเรชอบรอนบนพุงพ่อ มันนิ่มมมมมมอย่างนี้นี่เอง ^^

ปล. เตียงมาส่งแล้ว สรุปว่าเช่าเอา 1 ปี แต่ไม่รู้จะมีแรงถ่ายรูปมาอวดมั๊ย จริงๆยังจัดบ้านไม่เสร็จด้วย แว๊กกก

ปล. พรุ่งนี้ขอให้อาการดีขึ้นกว่าวันนี้ กลัวว่าคลอดแล้วจะอุ้มราโฮปน้อยไม่ได้ เพราะแม่ยังเดินเซ พยุงตัวเองไม่ค่อยได้เลย T____T

ปล. รูปถ่ายวันที่ครบ 39 วีคพอดี ใส่แต่เสื้อตัวเดิมๆ ตัวอื่นใส่แล้วอ้วน 5555






Tuesday 9 December 2014

38w 2d pregnancy symtoms


* * *

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2557 (20141207)


เข้าสู่ปลายโค้งสุดท้ายของไตรมาส 3 แล้วสินะ ตอนนี้ (วันที่อัพบล็อค) อายุครรภ์ 38w 5d แล้ว :)

ไปหาหมออัลตร้าซาวด์เหมือนเดิม หมอบอกหัวลูกเริ่มลงต่ำมาเรื่อยๆละ แข็งแรงดีเหมือนเดิม น้ำหนักลูกก็ขึ้นมาจนเกือบจะตามเกณฑ์ละ 2639g ส่วนน้ำหนักแม่ก็ขึ้นดีเหมือนกัน วีคละ 1 กิโลกรัม 555555 ตอนนี้เลยไม่ค่อยอยากรวมละว่าขึ้นมากี่กิโลแล้ว สยอง >____<
ถามหมอแล้วว่าขึ้นไวไปมั๊ย หมอบอกปกติมาก แถมยังบอกว่าขึ้นแค่นี้แสดงว่าออกกำลังเยอะล่ะสิ ^^

จริงๆช่วงนี้ไม่ค่อยได้เดินเยอะเหมือนก่อนหน้าละ ไม่ได้เดินไปเรียนโยคะเหมือนก่อน แต่นั่งรถเมล์จากหน้าบ้านไปแทน เพราะวันไหนที่เรียนโยคะ วันนั้นหัวหน่าวและเชิงกรานจะปวดร้าวมาก เลยไม่อยากเดินเยอะเท่าไหร่ มีเรียนอาทิตย์ละ 3 วัน ก็ออกกำลังแค่ 3 วันนี้แหละ แต่วันไหนที่ไม่มีเรียนบางทีก็ออกไปโน่นมานี่บ้าง พยายามจะขยับตัว ไม่อยู่เฉยๆ เพราะคนเป็นเบาหวานต้องพยายามขยับตัว ออกกำลัง ไม่งั้นอินซูลินไม่ทำงาน :)

วัดความดันได้ 129/80 รอบนี้ตัวบนสูงเชียว แต่คิดว่าปกติสำหรับไตรมาส 3 เพราะหมอก็ไม่ได้ว่าอะไร เจอหมออีกทีเสาร์นี้





อาการคุณแม่ช่วงนี้ก็....

// นอนได้ทั้งหันซ้าย ขวา และนอนหงาย เพราะจะนอนท่าไหนหัวหน่าวมันก็เจ็บเหมือนเดิม 5555

// พอเข้า 38 วีคปุ๊บ เจ็บจิมมี่ปั๊บ เดินแล้วเจ็บตลอดเวลา แต่เราก็ไม่หวั่นเพราะจะเดินยังไง หรือจะอยู่เฉยๆยังไง คืนนั้นเชิงกรานจะร้าวเหมือนกัน ขยับตัวทีก็โอดโอย(ในใจ)เล็กน้อย เลยเลือกที่จะออกไปเดินมากกว่า
(อากาศติดลบเราก็ไม่หวั่น ><) และอาการแค่นี้มันจิ๊บๆมากๆ ถ้าเทียบกับตอนที่แพ้ท้องอย่างรุนแรง นอนซม ขยับตัวได้แค่ตอนไปอาเจียนในห้องน้ำ ตอนนั้นทรมานกว่านี้เยอะะะะะะ

// ตอนกลางคืนตื่นขึ้นมาฉี่น้อยลง นอนได้นานขึ้น ปกติเราตื่นมาฉี่แทบทุกชั่วโมง กลางคืนจะนอนไม่ค่อยกลับ เป็นคนฉี่เยอะตั้งแต่ก่อนท้องแล้ว แต่ตอนตี 4-5 ลุกขึ้นมาแล้วนอนไม่ค่อยหลับ มาหลับอีกทีตอนที่สามีออกไปทำงานแล้ว ^^

// ไม่มีอาการมือบวม ขาบวม เท้าบวมเลย อันนี้โชคดีมากๆ และไม่ปวดหลัง คงเพราะได้โยคะช่วยด้วยมั๊ง บวกกับราโฮปน้อยไม่ได้ตัวใหญ่หนักจนเกินไป
แต่ขาชาบ้างเวลานั่งนานๆ เพราะบ้านเรามันเป็นเบาะนั่งพื้น แล้วจินชอบมานั่งตักทั้งวัน เกรงใจหมาไม่กล้าขยับอีก 5555 และต้องใช้เบาะรองนั่งโดนัท เหยยยย จะบอกว่ามันดีมากเลยนะ ขนาดยังไม่คลอดจิมมี่ยังเจ็บ หลังคลอดคงเจ็บกว่านี้ เจ้าเบาะนี่มันช่วยไม่ให้จิมมี่โดนกดทับ สบายไปเยอะเลย






// รอบพุง 36.7 นิ้ว ยังไม่แตก แต่เริ่มคันนิดๆ ไม่รู้คันเพราะอาบน้ำร้อนละผิวแห้ง หรือคันเพราะจะแตกลายก็ไม่รู้แฮะ 

// กินได้กินดี ชอบกินผลไม้เย็นๆฉ่ำๆ อย่างที่เคยอัพบล็อคไปก่อนหน้าว่า กินได้เยอะขึ้น ไม่อึดอัดแน่นเหมือนแต่ก่อน


// ท้องลดรึยังไม่แน่ใจ ส่วนตัวคิดว่าท้องลดลงมานิดนึง แต่ไม่ถึงกับ obvious ขนาดนั้น แต่แม่บอก ดูแล้วไม่เห็นลดลงมาเลย 55555




จะว่าไป ถ้าไม่รวมเรื่องเป็นเบาหวานล่ะก็ เราเป็นคนท้องที่โชคดีมากๆเลยนะ ถึงจะแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงช่วงไตรมาสแรกก็เถอะ แต่เราก็ไม่มีภาวะรกเกาะต่ำ เลือดออก น้ำคร่ำน้อย เด็กไม่กลับหัว ความดันสูง ครรภ์เป็นพิษ ฯลฯ อะไรพวกนี้เลย ^_____^








Monday 1 December 2014

36w-37w pregnancy updates / hospital bag checklist


* * *

ขออัพเดทรวบยอด 2 วีคเลย ^^

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557 (20141122)






ครบ 36 วีคแล้ว~ รอบพุง 35.5 นิ้ว :D

ไปหาหมออัลตร้าซาวด์เหมือนเดิม วัดความดันได้ 118/69 แต่ช็อคกับน้ำหนักมาก 2 อาทิตย์ผ่านมา น้ำหนักขึ้นมา 1.5 กิโลเลยทีเดียว แต่ยอมรับว่าเดินออกกำลังน้อยลง และกินเยอะขึ้นตามที่หมอบอกเพื่อเพิ่มน้ำหนักลูก (แต่ที่กินไปมันไปไม่ค่อยถึงลูกเท่าไหร่ ลงแม่หมดเลย -"-)

หมอเห็นน้ำหนักแล้วแซว หนาวใช่มั๊ยล่ะ เลยไม่ค่อยได้ออกกำลัง สามีเสริมอีก เพราะกินเยอะด้วย....รุมกันเข้าไป -___-"

ราโฮปน้อยหนักประมาณ 2367 กรัม หมอบอกยังตกเกณฑ์อยู่อีกนิดหน่อย นี่ขนาดพยายามกินเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นแล้วนะ นน.ยังขึ้นมาแค่ประมาณ 300 กรัมเองหรอเนี่ย แต่ก็ยังแข็งแรงดี อัตราการเต้นของหัวใจปกติ หมอบอกถ้าคลอดเดือนหน้า(ธันวา) คาดว่าน้ำหนักแรกเกิดของราโฮปน้อยน่าจะประมาณ 3100-3200 กรัม ซึ่งก็ไม่ถือว่าน้อยสำหรับเรานะ ไม่อยากให้ตัวใหญ่ไป กลัวคลอดยาก

แล้วก็ตรวจร่างกายไตรมาส 3 โค้งสุดท้ายก่อนคลอด มีตรวจเลือด 2 หลอด ฉี่ 1 หลอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอ็กซเรย์หัวใจ บอกผลอาทิตย์ต่อไป ^^

*
*
*
*
*
*
*
*
*
วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2557 (20141129)






37 วีค รอบพุง 36 นิ้ว...แต่ดูเผินๆไม่ต่างกับวีคก่อนหน้าเลย

หมอเริ่มนัดทุกอาทิตย์ละ เพราะใกล้คลอดแล้วแต่ถ้าผ่านวีคนี้ไปได้ ก็ครบกำหนดคลอด 38 วีคขึ้นไป คลอดได้อย่างปลอดภัย สบายใจ อิอิ

วัดความดันได้ 121/91 ส่วนตัวคิดว่าเลขตัวล่างมันสูงไปหน่อยแฮะ แต่หมอก็ไม่ได้ว่าอะไร
น้ำหนักขึ้นมาอีก 1 กิโล ทั้งๆที่วีคนี้เดินเยอะมาก เพราะออกข้างนอกทุกวัน มีไปเรียนโยคะ แล้วก็มีออกไปตะลอนๆบ้าง เดินตกวันละประมาณไม่ต่ำกว่า 6000 ก้าว ก็พอๆกับช่วงที่ออกกำลังเยอะๆเลย แต่น้ำหนักนี่คุมไม่อยู่เลยแฮะ ไตรมาส 3 นี่มันคุมน้ำหนักยาก มันพุ่งกระฉูดอย่างที่ใครๆเค้าว่าไว้จริงๆ T_____T
แต่หมอก็ไม่ได้ว่าอะไร คงเพราะใกล้คลอดแล้วด้วยมั๊งนะ

ราโฮปน้อยน้ำหนัก 2465 กรัม หมอบอกน้ำหนักขึ้นน้อย(1 วีคผ่านมา ขึ้นมาประมาณ 100 กรัมเอง) ยังตกเกณฑ์อยู่เหมือนเดิม แต่แม่ก็ไม่ซีเรียสเหมือนเดิม 55555
หมอบอก คงค่อนไปทางตัวเล็กแล้ว แต่ไม่เป็นไร ให้ออกมาโตข้างนอกได้ อัตราการเต้นของหัวใจก็ปกติ ทุกอย่างปกติ ราโฮปน้อยแข็งแรง นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา :)

แล้วหมอก็ตรวจปากมดลูก เดาว่ายังไม่ซอฟท์และยังไม่เปิดแม้แต่เซ็นเดียว เพราะหมอไม่ได้พูดอะไร 555 แต่หมอบอก ขนาดเชิงกราน และปากมดลูกไม่มีปัญหา น่าจะคลอดง่ายอีกต่างหาก.....สาธุ >____<

ผลตรวจเลือด ฉี่ ตรวจคลื่นหัวใจ ผลเอ็กซเรย์ ทุกอย่างปกติหมด ตอนนี้เหลือรอให้ราโฮปน้อยส่งสัญญาณออกมาลืมตาดูโลกแค่นั้น ตื่นเต้นมากๆ ^______^


หลังจากนั้นก็ไปพบคุณหมอนักโภชนาการ ดูผลเจาะเลือดต่อ 
3 วีคที่ผ่านมามีค่าน้ำตาลเกินบ้างบางมื้อ แต่ไม่ได้สูงมากอะไร แต่ผลตรวจเลือดรอบที่แล้วแย่ลงนิดนึง แต่ก็ไม่ถึงขึ้นซีเรียส หมอบอก ถ้ายังไม่คลอด ก็นัดเจอกันอีก 2 อาทิตย์ถัดมา แต่คุณหมอก็บอกข้อมูลคร่าวๆไว้ก่อน เผื่อเราจะคลอดภายใน 2 วีคนี้ คือ....ต้องมา follow up เบาหวานภายใน 6-12 วันหลังคลอด ผลเจาะเลือดก่อนกินอาหารต้องไม่สูงกว่า 100 mg/dL และหลังกินอาหาร 2 ชั่วโมงต้องไม่เกิน 140 mg/dL (แปลว่าถึงจะคลอดแล้วก็ต้องเจาะเลือดวันละมื้ออยู่ดีสินะ) แล้วก็ต้องตรวจเบาหวานโดยการดื่มกลูโคสอีกรอบ โฮกกกกกกกกกกก
*
*
*
*
*
*

อัพเดทอาการนิดนึง ตอนนี้อาการหลายๆอย่างยังเหมือนเดิม 

// เจ็บหัวหน่าวเฉพาะข้างขวาเหมือนเดิม มีเจ็บทั้งหัวหน่าวบ้างบางวัน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือหัวหน่าวบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเดาว่าก็ปกติอีกนั่นแหละ (นี่เราเป็นคนท้องที่ชิลมากเลยนะจะว่าไป ไม่ค่อยกังวล หรือตกใจอะไรกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายสักเท่าไหร่ -__-")

// หน้าอกเริ่มคัด ไม่รู้เรียกว่าคัดรึเปล่า แต่ความรู้สึกจะเหมือนเวลาท้องแข็งที่ลูกโก่งตัว มันจะชาๆ แล้วชาขึ้นมาถึงหน้าอก เดาเอาเอง(อีกละ)ว่าอาจจะกำลังสร้างน้ำนม ช่วงนี้ชอบกินขิงสดบ่อยมากๆด้วย บำรุงล่วงหน้าไปในตัว อิอิ และก็ขนาดใหญ่ขึ้น เพราะเสื้อในคับขึ้น T^T

// ราโฮปน้อยดิ้นเยอะเหมือนเดิม แต่ไม่เรียกว่าเตะแรงละ จะออกแนวเหมือนบิดขี้เกียจ หรือพยายามจะยืดตัวมากกว่า คงเพราะพื้นที่ในท้องแม่น้อยลงตรงข้ามกับขนาดลูกที่โตขึ้น แต่มั่นใจว่าดิ้นเกินวันละ 10 ครั้งแน่นอน เวลาดิ้นทีจะชอบรู้สึกเหมือนมีอะไรเลื้อยๆ ยึกยือๆอยู่ในพุง 555
และชอบดิ้นช่วงที่แม่ทำอาหาร หลังกินอาหารดิ้นบ้างนิดหน่อย จะดิ้นเยอะเอาช่วง 5ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 3-4 และตอน 6 โมงที่ตื่นมาส่งพ่อไปทำงาน (เตรียมเป็นค้างคาว ตื่นกลางคืนได้เลยสินะเนี่ย = =')






เมื่อวานสามีเล่าว่า เพื่อนเค้าแนะนำว่าให้จัดกระเป๋าไปโรงบาล 2 ใบ เล็กและใหญ่ ใบเล็กให้เอาไปตอนที่เจ็บท้องคลอด ส่วนใบใหญ่ไว้กลับบ้านมาเอาตอนที่ย้ายไป Day Care แล้ว

เพราะตอนที่คลอดที่โรงบาล สามีต้องเดินไปโน่นนี่ ทำเอกสาร ทำเรื่องต่างๆนาๆเยอะ แล้วต้องแบกกระเป๋าไปด้วยทุกที่ ถ้าเอาใบใหญ่(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกระเป๋าลาก) มันไม่สะดวก แล้วจากบ้านไปโรงบาลก็ 10 นาทีเอง Day Care ก็อยู่แถวๆโรงบาล กลับมาเอาที่บ้านจะสะดวกกว่า
จากที่เคยเห็นจากบล็อคคนเกาหลี ก็สงสัยนะว่าทำไมต้องจัดกระเป๋ากัน 2 ใบด้วย ตอนนี้เข้าใจละ วันนี้เลยมานั่งๆเช็คลิส ดูของที่จะเอาใส่กระเป๋าใบเล็กไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของแม่นี่แหละ





ส่วนตัวคิดว่าการจัดกระเป๋าเตรียมคลอดของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
ของเราโดยรวมจะเอาใส่เป้ Kanken ไป ซึ่งเป้นี้จะกลายเป็นกระเป๋าใส่ของลูกทั้งหลายนี่แหละ แม่ๆเกาหลีใช้กันเยอะ เพราะน้ำหนักเบา และมันเป็นเป้สะพายหลัง สะพายพร้อมเป้อุ้มเด็กได้ แล้วก็แขวนกับรถเข็นได้ เราเลยไม่ได้ซื้อกระเป๋าสำหรับใส่ของลูกโดยเฉพาะ :)

ของที่จะเอาไปคือ....

// ครีมทั้งหลายของแม่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน

// สนับข้อมือ....จริงๆแล้วที่เค้าว่าหลังคลอดข้อต่างๆมันจะหลวมนี่จริงรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ส่วนตัวคิดว่า อย่างน้อยมันก็ช่วย(ไม่มากก็น้อย) ไม่ให้ข้อมือเคล็ดที่ต้องอุ้มลูกบ่อยๆน่ะ มีเพื่อนคนนึงเอ็นอักเสบไปเลยเพราะอุ้มลูกนี่แหละ

// แผ่นซับน้ำนม

// สายรัดพุงหลังคลอด.... อ่านมาจากพันทิบ แม่ๆทั้งหลายที่เคยใช้บอกว่ามันไม่ได้ช่วยให้หน้าท้องลดเร็วขึ้น แต่มันช่วยได้เดินเหินสะดวกขึ้น เลยตัดสินใจซื้อมา


// ผ้าอนามัย.... ขำตอนไปซื้อ เพราะไปกับสามี ก็ยืนๆเลือกอยู่ พนักงานถามว่าจะใช้หลังคลอดใช่มั๊ย สามีก็ตอบแทนเลย ป่าว จะใช้ตอนนี้ พนักงานทำหน้างงเล็กน้อย เราเลยบอก จะใช้หลังคลอด(ตอนนี้ไม่มีเมนส์นะเธอ ลืมไปละหรอ 555)
พนักงานก็แนะนำแบบยาวค่อดจะพิเศษให้ ยาว 42 เซ็นกันเลย เพราะต้องนอนเยอะ ตอนที่พนักงานกางผ้าอนามันตัวอย่างให้ดูแอบช็อคไปเล็กน้อย เพราะมันยาวมาก เดาว่าด้านหลังเวลาใส่แล้วคงถึงเอว -"-


// เสื้อใน กางเกงใน 1 ชุด


// เสื้อของราโฮปน้อย 1 ชุดไว้ตอนอุ้มย้ายไป Day Care และผ้าห่มบาง  จริงๆโรงบาลจะให้กิ๊ฟเซ็ตพวกเสื้อเด็กอ่อน ผ้าห่มบาง ผ้านวมมาด้วย แต่มันยังไม่ได้ซัก เลยเอาของตัวเองไปดีกว่า ใช้แค่ผ้านวมพอเพราะมันอยู่ชั้นนอกสุด ไม่ได้โดนผิวลูก






 และไดอารี่สำหรับปี 2015 
เล่มซ้ายคือเล่มปัจจุบัน 2014 ที่ซื้อมาจากมูจิ แล้วมา DIY ตกแต่งเอา เล่มขวาเพิ่งซื้อมาเมื่อวานเลย เราชอบเล่มเล็กๆ เบาๆ พกง่าย กะว่าจะเริ่มเขียนตอนราโฮปน้อยเกิดแล้ว เป็นสมุดบันทึกพัฒนาการไปในตัว พร้อมกับชีวิตประจำวันของแม่ ^_^



ของทุกอย่างวางรวมๆไว้ กะว่าตอนเจ็บท้อง รอสามีมารับไปโรงบาลค่อยจับยัดใส่กระเป๋ารวดเดียว (ชิลสุดๆอีกละ 5555)

ส่วนกระเป๋าใบใหญ่สำหรับ Day Care ไว้มาอัพเดทอีกทีเนอะ :D






อัพเดทเรื่องจัดบ้านนิดนึง....นิดเดียวจริงๆ เพราะยังไปไม่ถึงไหน นี่ไม่เจียมตัวเลยว่าใกล้คลอดแล้ว ยังชิลสุดๆ 555





ตู้ฆ่าเชื้อโรค ซีเนียร์ของสามีให้มา โชคดีมากๆที่ได้มาฟรี ประหยัดเงินไปได้อีกหมื่นกว่าๆบาท ขอบคุณซีเนียร์มากๆ T^T

กะจะเอาไปใส่ขวดปั๊มนม จุกหลอก ที่กัด และพวกจานชามของราโฮปน้อย ตู้นี้ไม่ได้ฆ่าเชื้อด้วยอุณหภูมิสูงๆ แต่ใช้แสงไฟในการฆ่าเชื้อแทน ซึ่งจริงๆถ้าใครเคยมาเกาหลี ตามร้านอาหารก็จะมีตู้ฆ่าเชื้อเหมือนกันนะ ไฟจะสีฟ้าๆ ส่วนใหญ่จะใส่แก้วสเตนเลสที่ให้ลูกค้าไว้กินน้ำ





สั่งเครื่องฟอกอากาศ/ทำความชื้นมาแล้ว เพราะทนไม่ไหวกับอากาศที่แห้งมากๆ หายใจแล้วจมูกแห้ง คอแห้งไปหมด (หน้าตามันเหมือนถังขยะเลยนะว่ามั๊ย)
กล่องด้านขวาเอามาใส่พวกเสื้อผ้า ผ้าห่ม ของใช้ต่างๆของราโฮปน้อยแทนพวกลิ้นชัก จริงๆอยากได้สีฟ้ากับครีม แต่ของหมด มาอีกทีปลายธันวา เลยจำใจเอาสีชมพูมาแทน แม่ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่





สุดท้าย...ไม่เกี่ยวกับลูก อิอิ
มุมคริสมาสเล็กๆของบ้านเรา จริงๆอยากได้ต้นคริสมาสมาประดับบ้านมากๆ แต่ด้วยที่เนื้อที่บ้านน้อย เลยได้แต่ซื้อต้นจิ๋วๆมาตั้งไว้แทน ต้นนี้ใช้มา 2 ปีละ คุ้มสุดๆ 5555
ไว้มีบ้านใหญ่กว่านี้ค่อยซื้อต้นแบบตั้งพื้นเนอะ ^______^




ปล. คุยกับแม่เรื่องบล็อคหลัง แม่แนะนำว่าอย่าบล็อค เพราะมันมี side effect คือ หลังคลอดแล้วทำให้ปวดหลัง แล้วเราต้องก้มๆเงยๆอุ้มลูกอีก มันจะไม่สะดวก ทนเจ็บเอาหน่อยเพราะคลอดแล้วก็หายเจ็บแทบจะทันทีเลย...
ตอนนี้เลยลังเลว่าจะไม่บล็อคหลังไป 80% แล้ว สามีก็ถามว่ายูแน่ใจหรอ ที่สามีถามเพราะเค้าต้องเป็นคนเซ็นอนุญาติให้บล็อคหลัง
นี่เลยกะว่า....ไว้ถึงเวลานั้นจริงๆค่อยมาคิดละกัน ทนไม่ไหวค่อยบล็อค ทนไหวก็ไม่ต้องบล็อคละกัน >______<


ปล. หิมะแรก ตกวันแรกของเดือนธันวาเลย ตกมาต้อนรับเดือนเกิดของราโฮปน้อยสินะ อิอิ









Wednesday 26 November 2014

Cath's Cafe (by Cath Kidston)


* * *

ห่างหายจากการไปนั่งชิลๆที่คาเฟ่นานมากๆ ตั้งแต่ท้องมานี่ก็ไม่ได้ไปเลย อีกอย่าง...ไม่มีเพื่อนไปนั่งเมาท์ชิลๆ T__T
จนวันนี้ เพื่อนสาวญี่ปุ่นคนสวยที่รักมากคนนึงมาเกาหลี ปกติเพื่อนจะมาเกาหลีทุกปี เพราะแฟนเค้าเป็นคนเกาหลี มาทีก็นัดเจอที ไม่เคยพลาดเลย รอบนี้ก็เหมือนกัน เพื่อนบอกอยากเจอกันก่อนคลอด(จริงๆคงอยากเห็นตอนท้องด้วยแหละ 555) แต่ที่ดีใจมากกว่านั้นคือ เพื่อนกำลังจะแต่งงาน และจะย้ายมาเกาหลีต้นปีหน้านี้แล้ว ฮี่ๆๆๆๆๆ

เพื่อนอยากไป Cath's Cafe ไกลบ้านเราไปประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ ตอนแรกเพื่อนก็ถามว่าโอเคมั๊ย เพราะมันค่อยข้างไกลบ้านเรา อยู่แถวซัมชองดง(​삼청동) แต่เราก็ไปได้หมด ถึงจะท้อง 36 วีคแล้วแต่ก็ยังคล่องตัวอยู่ แล้วช่วงนี้เกิดอารมณ์อยากจะออกข้างนอก ไปโน่นนี่ตลอดเวลา เพราะรู้สึกว่าหลังคลอดแล้วคงไม่ได้ออกไปไหนมาก หน้าหนาวอีกต่างหาก สงสัยจะได้จำศีล

// วิธีการไปร้าน อยู่ด้านล่างๆของบล็อคนะจ๊ะ
 










ร้านก็ตามสไตล์ Cath Kidston เลย ^^





บรรยากาศร้าน
ร้านเล็กกว่าที่คิด เพราะเห็นรูปจากบล็อคคนเกาหลีแล้วดูเหมือนร้านจะใหญ่กว่านี้






























ถ่ายรูปในร้านรอของกินมาเสริฟ ^^







various berries mix(จำชื่อไม่ค่อยได้ละ) แก้วนี้ของเรา เพราะ non-caffeine
ของเพื่อนเป็น hot coffee latte
แล้วก็สั่งแครอทเค้กมา 1 ชิ้น
จำราคาแยกชิ้นไม่ได้ แต่รวมทั้งหมดนี่ประมาณ 28,000 วอนได้(เกือบ 1000 บาท) แพงเกินไปนะ T____T

ราชาติกาแฟไม่รู้ แต่ various berries mix อร่อยใช้ได้ เค้ก็รสชาติมาตรฐาน ไม่ได้แย่อ่ะไร ใครอยากมานั่งกินบรรยากาศก็พอถูไถ แต่ถ้าเป็นเราจะไปนั่งร้านคาเฟ่ของคนเกาหลีแทน ไหนๆก็มาเกาหลีแล้วอ่ะนะ





วิธีการไปร้าน....Cath's Cafe
สถานี อันกุก안국역) สาย 3 ทางออกที่ 1 สถานีเดียวกับเวลาไปอินซาดง หรือ พระราชวังคยองบ็อกเลย
ออกมาจากสถานี เดินตรงไป เลี้ยวขวาเข้าซอยด้านข้างเพราะพระราชวัง เดินไปจนสุดทางเจอ 3 แยก เลี้ยวขวา เดินไปอีกนิดก็ถึงเลย ร้านสีฟ้าๆตามเอกลักษณ์ของ Cath Kidston 



ปล. กินเค้กไปนิดหน่อย ไม่ได้บอกเพื่อนว่าเป็นเบาหวาน อีกอย่าง ใกล้คลอดละ เหมือนหมอสูติจะไม่ค่อยแคร์เรื่องเบาหวานสักเท่าไหร่ เพราะราโฮปน้อยแข็งแรงดีทุกอย่าง :)


ปล. เพื่อนมีของมาฝากราโฮปน้อยด้วย แล้วก็คิทแคทชาเขียว เพื่อนบอกเห็นในทีวีคนไทยชอบซื้อคิทแคทกัน 55555 แล้วก็มีช็อคโกแล็ตของ Baskin Robbins มาอีก 1 กล่อง ทำร้ายจิตใจมาก ต้องเก็บไว้กินหลังคลอดสินะ T______T
 










Monday 17 November 2014

35w 2d - คลาสฝึกหายใจเตรียมคลอด / pregnancy symtoms 04



* * *

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2557 (20141115)


วันนี้มีคลาสฝึกหายใจเตรียมคลอดตอนบ่ายโมงตรง สามีโทรไปถามได้ข้อมูลมาว่าควรแต่งตัวให้สบายๆ
ไปถึงก็ลงทะเบียนตามชื่อที่จองไว้ก่อน แล้วก็เข้าไปนั่งรอในห้อง ต้องนั่งพื้นเลยเข้าใจแล้วว่าทำไมให้แต่งตัวสบายๆ โดยเฉพาะกางเกง คนที่บรรยายเป็นคุณหมอ จริงๆพวกคลาสต่างๆที่มีของโรงพยาบาลจะเป็นคลาสของคุณหมอสูตินี่แหละ แต่หมอสูติเราไม่มีคลาส คงเพราะเค้าเป็นถึง vice president แล้วอ่ะนะ ตำแหน่งสูงๆงานก็น้อยลงหน่อย แต่ความรับผิดชอบมากขึ้น ^^

เริ่มแรกคุณหมอก็แนะนำให้รู้จักกับตุ๊กตาเด็กทารก ตัวเด่นของงาน.....หน้าตาประหลาดมาก -__-" แล้วก็ให้สามีภรรยานั่งหันหน้าเข้าหากัน (คลาสนี้ต้องมาคู่ ห้ามมาเดี่ยว) ให้สามีจับที่พุง แล้วภรรยาเอาแขนทั้ง 2 ข้างกอดคอไว้ หลังจากนั้นก็เปิดเพลงให้ฟัง

เราไม่เก่งเกาหลี แต่เข้าใจเนื้อเพลงนี้ทั้งหมดทุกคำ ทุกประโยค เพราะศัพท์มันไม่ยากเลย เนื้อเพลงประมาณว่า "เป็นรักที่เฝ้ารอมานาน เป็นรักที่เกิดขึ้นแล้ว" วนเวียนอยู่อย่างนี้....เชื่อมั๊ย ฟังไปน้ำตาคลอไปเลย เป็นรักที่รอมานานจริงๆ รอมา 2 ปี กับอีก 30 กว่าสัปดาห์แล้วเนี่ย ใกล้จะได้เจอกันละนะ :')
 

แล้วคุณหมอก็อธิบายเกี่ยวกับสายสะดือ รก น้ำคร่ำ position ของเด็กที่อยู่ในครรภ์ว่า เด็กกลับหัว และหมอบเอาหน้าคว่ำคือ position ที่ดีที่สุดในการคลอด และเพิ่งรู้ว่าสายสะดือมีความยาวประมาณ 50 cm เลยทีเดียว อีกอย่างคนเกาหลีก็คิดเหมือนคนไทยเลยว่า พุงแหลมคือเด็กชาย พุงกลมคือเด็กหญิง แต่คุณหมอบอกว่าไม่เกี่ยวเลย ขึ้นอยู่กับสรีระของร่างกายคุณแม่ล้วนๆ


คุณหมอเน้นเรื่องคุณพ่อมากๆ เค้าอธิบายถึงอาการต่างๆของคุณแม่ช่วงไตรมาส 3 และบอกคุณพ่อว่า ขอให้เข้าใจภรรยาเรื่องอาการต่างๆด้วย เพราะเค้าอุ้มท้องลูกของคุณอยู่เหมือนกัน :)
มีช่วงนึงคุณหมอให้มองหน้ากัน กำมือขึ้นแล้วพูดว่า เราต้องทำได้ (잘 할 수 있어!!) ประมาณว่าเราจะผ่านช่วงคลอดอันแสนเจ็บปวดไปด้วยกันได้อ่ะนะ

และเวลาที่เจ็บท้อง พยายามอย่าร้องโอ๊ย หรือโวยวายอะไร เพราะมันจะสื่อถึงลูกในท้องทั้งหมด แต่ให้พยายามคิดถึงสิ่งที่อยากทำหลังจากคลอดแล้ว พอผ่านช่วงนี้แล้วเราอยากทำอะไรมากที่สุด เพื่อเป็นแรงบรรดาลใจ....
สามีก็หันมาถามว่า ยูอยากทำอะไร เราเลยตอบว่า.......อยากกินเค้ก 55555555 เพราะไม่ได้กินเค้กมานานมากกกกกกกกกกเลย อยากกินเค้กช็อคโกแล็ต เค้กหน้านุ่มเยิ้มๆ พอบอกเสร็จสามีขำใหญ่ 55555 แต่เอาจริงๆหลังคลอดก็คงไม่กล้ากินเค้กเยอะหรอก กลัวนมตัน >___<

อีกอย่างคือ เมื่อลูกรับรู้ถึงความรู้สึกของแม่ แม่ก็ควรจะคิดแต่สิ่งดีๆ เช่น รักลูกนะ บลา บลา อันนี้เหมือนที่ครูโยคะบอกเลย แต่เวลาอยู่ในคลาสโยคะ ตอนที่ครูให้ทำสมาธิ หายใจเข้า-ออก พร้อมกับคิดถึงสิ่งดีๆเวลาคุยกับลูก แต่เรานี่คิดอยู่อย่างเดียว กลางวันนี้จะกินอะไรดี ในหัวมีแต่เรื่องกิน -_______-"


แล้วก็มีสอนสามีให้นวดภรรยา นวดท้อง นวดขา นวดไหล่ แล้วก็สอนฝึกหายใจเวลาเจ็บท้อง และช่วงคลอด รวมถึงการผ่อนคลายหลังจากที่คุณหมอดึงลูกออกมาจากช่องคลอดแล้ว คุณหมอบอกว่าพอคลอดแล้วจะวางลูกไว้บนอกแม่ เพื่อรับความอบอุ่น และดูดนมจากเต้า และมีสอนท่าบริหารกระดูกเชิงกราน จะได้คลอดง่ายๆ ซึ่งท่ามันเหมือนในคลาสโยคะที่เรียนเลย โชคดีมากๆ ^^

ตอนท้ายของงาน มีวีดีโอคลิปการคลอดลูกให้ดู แต่เด็กหันหน้าขึ้น ไม่ได้คว่ำหน้า และหมอไม่เร่งดึงเด็กให้ออกมา เพราะสายสะดือพันคอ 3 รอบ แต่ให้คุณแม่ค่อยๆเบ่งออกมาแทน พอเด็กคลอดออกมาหมด ก็เอารกที่พันคอออก เด็กก็เริ่มร้องเลย แสดงว่าปลอดภัยดี ดูคลิปแล้วเราก็น้ำตาไหลอีกละ รอบนี้ไหลออกมาเลย sensitive มาก 555 จริงๆเราก็คิดๆไว้หลายครั้งแล้วว่าพอได้เห็นหน้าลูก เราต้องร้องไห้แน่ๆ ;p


หันไปถามสามีว่า ยูรู้สึกยังไงบ้างกับคลาสนี้ สามีตอบกลับมาว่าดีกว่าที่คิดไว้ และเพิ่งรู้ด้วยว่าหมอจะกรีดช่องคลอดตอนคลอดด้วย ><

อ่อ คลอดที่เกาหลีไม่เสียเงินนะ ปกติตอนคนที่ทำ iui แบบเราก็จะได้เงินช่วยจากรัฐบาลด้วย แต่คู่เราไม่อยู่ในเงื่อนไข เลยต้องจ่ายเองทั้งหมด สาเหตุที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขไม่ใช่เพราะเป็น international marriage couple แต่เป็นเพราะสามีเงินเดือนสูงกว่าที่เค้ากำหนดไว้ แต่ทุกคู่จะมีเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอื่นๆเกี่ยวกับลูก 500,000 วอน ซึ่งต้องเอาใบจากโรงพยาบาลไปเปิดบัญชี แล้วทางรัฐจะโอนเงินเข้ามาให้รวดเดียว แต่บัตรนั้นไม่สามารถเอาไปรูดซื้อของอย่างอื่นได้ ให้ใช้ที่โรงพยาบาลเท่านั้น ป้องกันคนเอาเงินไปใช้อย่างอื่น 
เพราะทางรัฐกำลังรณรงค์ให้คนมีลูกกัน คนสมัยนี้มีลูกช้า บางคู่ก็ไม่อยากมี ซึ่งมันทำให้เกิดปัญหาไม่มีคนจ่ายภาษี เพราะเงินภาษีส่วนนึงเป็นสวัสดิการของคนที่เกษียณแล้ว รัฐจะให้เงินดูแล และมีบ้านเช่าราคาไม่แพง ซึ่งถ้าคนจ่ายภาษีน้อย เงินก็ไม่พอกับสวัสดิการตรงนี้ :)



จบคลาสแบบแฮปปี้ดี ขออัพเดทอาการคุณแม่หน่อย





ถ่ายตอน 35 วีคพอดี

// รอบพุง 35.5 นิ้วแล้ว พุงยังไม่แตกลาย แต่จะแตกตอนโค้งสุดท้ายมั๊ยนี่ต้องรอดูอีกที

// ยังเจ็บหัวหน่าวซีกขวาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นอาการปกติ
(เมื่อวันก่อนเจ็บหัวหน่าวแล้วพาลมาเจ็บเชิงกรานด้วย แต่ก็เป็นแค่ครั้งเดียว ไม่เป็นอีกเลย)

// ไม่อึดอัดหลังจากกินอาหารแล้ว เริ่มกินได้เยอะขึ้น คงเพราะลูกเริ่มลงต่ำแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้

// กินน้ำเยอะมาก(มานานแล้ว อ่านเจอว่าคนเป็นเบาหวานจะกินน้ำเยอะ ฉี่เยอะ ลูกเลยฉี่เยอะตาม พอลูกฉี่เยอะ น้ำคร่ำก็จะเยอะกว่าคนปกติ) แต่ช่วงนี้กินเยอะขึ้น กินทั้งวัน ไม่เคยต่ำกว่า 2 ลิตร บางวันนี่ถึง 4 ลิตรกันเลย คงเพราะอากาศแห้งขึ้น คอเลยแห้งมาก (ทำให้ฉี่ทั้งวันทั้งคืนด้วย ><) และกินแต่น้ำเย็น ขนาดช่วงนี้หน้าหนาวแล้ว ตอนเช้าอากาศเริ่มติดลบ ก็ยังกินแต่น้ำเย็นฉ่ำๆ

// เบื่ออาหาร ไม่อยากจะทำอาหาร ไม่อยากคิดเมนู แต่อยากกินขนมปัง ของหวานๆ แต่จะพยายามห้ามใจ กินชิ้นเล็กๆให้หายอยากพอ

// น้ำหนักขึ้นโดยรวม 11 กิโลละ แต่ถ้าเทียบน้ำหนักก่อนท้องก็ขึ้นมา 6 กิโล สามีบอก แขนยูเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว 55555

// รู้สึกร้อนเป็นบางคืน(ทั้งๆที่อากาศหนาว และไม่ได้เปิดบอยเลอร์หรือฮีทเตอร์) ร้อนจนเหงื่อแตก เสื้อเปียก นอนไม่หลับ ><

// รู้สึกคล่องตัวมากกว่าช่วงวีค 33-34 คงเพราะขาชาน้อยลงด้วย และขาก็มีแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เดินได้ปกติไม่มีปัญหา ไม่ต้องพักเยอะเพราะขาชา

// แต่ยังนอนได้แต่ตะแคงซ้าย ตะแคงขวาได้ไม่นาน เพราะตะแคงขวานานๆแล้วแขน-ขาขวาชา

// เริ่มรู้สึกว่า เข็มขัดรัดพุงมันทำให้อีดอัด หลังๆมานี่เลยไม่ได้ใช้เลยแฮะ แต่คงเพราะใส่กางเกงตัวเดิมๆที่เคยใส่ก่อนท้อง ช่วงยางยืดตรงเอวมันก็เลยไปช่วยพยุงท้องเวลาเดินได้นิดหน่อย เวลาเดินเลยสบายๆ

// สะดือจุ่นครึ่งบนครึ่งเดียว ทำไมกัน -_____-"

// ท้องแข็งจำนวนครั้งน้อยลง แต่ลูกสะอึกบ่อยมาก สะอึกทุกวัน บางวันยาวเป็นนาทีเลย แต่หาข้อมูลในเนทมาแล้วว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอันตรายใดๆ

// ชอบมองพุงตัวเองในกระจกมากๆ มองมานานหลายวีคละ มองแล้วก็ลูบๆคลำๆ ยิ้มไปยิ้มมาเหมือนคนบ้า ที่มีความสุข 5555 :D



ปล. สามีเล่าให้ฟังว่า เค้าอ่านเจอการทดลองนึง ให้ผู้ชายลองเจ็บให้เท่ากับตอนที่ผู้หญิงคลอด ผลปรากฏว่า ผู้ชายทนได้แค่ 1 นาที 5555 แล้วก็หันมาถามว่า ยูไหวมั๊ย
เลยตอบกลับไปว่า เพราะผู้หญิงไม่มีทางเลือกอ่ะ เจ็บยังไงก็ต้องทนจนคลอดนั่นแหละ แต่ถ้าโลกนี้สร้างผู้ชายมาให้เป็นคนคลอดลูก ผู้ชายก็จะทนเจ็บได้เหมือนกันนั่นแหละนะ

สามีถามอีกว่า ยูจะบล็อคหลังมั๊ย.....จริงๆเรื่องนี้เราลังเลอยู่นะ เพราะได้ยินมาว่า ถ้าไม่บล็อคหลังจะรู้ว่าควรเบ่งตอนไหนอ่ะ แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าปากมดลูกจะเปิดไวแค่ไหน บล็อคทันรึเปล่า แต่ก็ไม่รู้ตัวเองจะทนเจ็บได้นานแค่ไหนเหมือนกัน สามีเลยบอกว่า ถ้าทนไม่ไหวก็บล็อคหลังเถอะนะ ^^



Saturday 8 November 2014

34w 2d


* * *

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2557 (20141108)


วันนี้เป็นวันที่ไปโรงพยาบาลเองวันแรกตั้งแต่ท้องมาเลย เพราะสามีติดธุระสำคัญ ต้องเข้าออฟฟิศแต่เช้าตรู่ จริงๆก็งอแงๆเล็กน้อยเพราะอยากให้ไปด้วยกัน แต่ก็ไม่โกรธและเข้าใจนะ เพราะเราเองก็เคยเป็นลูกจ้างเค้าเหมือนกัน บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ....แต่วันไหนเจ็บท้องคลอดนี่ห้ามเลยนะ ><


 ไปถึงตั้งแต่โรงพยาบาลเปิดเลย เพราะถ้าไปช้าคนจะเยอะ ขี้เกียจรอคิวนานๆ ไปถึงก็ process เดิมๆ ยื่นสมุดฝากท้อง รับบัตรคิวชั่งน้ำหนัก วัดความดัน
2 อาทิตย์ที่ผ่านมาน้ำหนักขึ้นอีกครึ่งกิโล ความดัน 117/67 ก็ถือว่าปกติดี จริงๆอยากให้เลขตัวบนมันต่ำกว่า 100  แต่มันก็ไม่ค่อยจะลงสักที เสร็จแล้วก็นั่งรอผู้ช่วยหมอเรียกคิว ซึ่งวันนี้คนน้อยผิดปกติมากๆ ปกติถึงแม้จะมาไวบางทียังรอนานเลย เพราะคนอื่นๆก็มากันไวเหมือนกัน

พอเข้าไปเจอหมอ หมอก็ถามว่าสบายดีมั๊ย ก็ตอบว่าสบายดี หมอเห็นน้ำหนักแล้วแซว น้ำหนักขึ้นนิดเดียวเองนี่ แสดงว่าออกกำลังเยอะเลยสิ 5555555






ราโฮปน้อยก็สบายดี :D

หมอชี้ให้ดูตา เริ่มกระพริบตาแล้ว โอยยย ช่วงเวลาแบบนี้อยากให้สามีมาเห็นด้วยกันจริงๆนะ เห็นชัดๆเลยว่ากระพริบตาปริบๆอยู่ น่าร๊ากกกกกกก ^________^

ทุกอย่างก็ไม่มีอะไร ปกติดี อัตราการเต้นของหัวใจก็ปกติดี หมอซาวด์ให้เห็นสายสะดือ เลือดเลี้ยงผ่านสายสะดือได้คล่องดี ไม่มีปัญหา แต่....ราโฮปน้อยหนัก 2023g หมอบอกน้อยไปนิด ให้กินให้เยอะขึ้นหน่อย เลยถามหมอว่ากินอะไรดี หมอยิ้มๆตอบว่า กินได้ทุกอย่างเลย เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ เอาจริงๆรู้สึกว่าหมอไม่ค่อยแคร์เรื่องเบาหวานละ แต่ยังไงเราก็ยังจะคุมต่อไปแหละ เพื่อความปลอดภัยของลูก :)
บอกหมอว่า ช่วงนี้เจ็บหัวหน่าวมากเลย(จริงๆก็รู้ว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็บอกหมอแกไว้สักหน่อย) หมอบอก เดี๋ยวอีกหน่อยจะเจ็บมากกว่านี้อีก เพราะหัวเด็กจะกดลงเรื่อยๆ T__T

และยังให้เดินออกกำลัง + เล่นโยคะได้เหมือนเดิม

แล้วหมอก็ให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ นี่กำลังสงสัยว่ามันระบาดที่เกาหลีรึเปล่าเนี่ย เพราะคนท้องทุกคนโดนฉีดหมดเลย สามีก็ฉีดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว แถมบริษัทยังออกค่าฉีดให้อีกต่างหาก


เสร็จจากหมอสูติ ก็ไปพบหมอโภชนาการต่อ วันนี้วันนัด 2 หมอเลย หมอดูผลเจาะเลือดแล้วก็ชมเหมือนเดิมว่าผลออกมาดีมากๆ หมอถามถึงน้ำหนักลูกว่าเป็นยังไง เราก็ตอบไปว่า หมอสูติบอกว่าตัวเล็กไปนิดนึง หมอก็แนะนำให้กินเยอะขึ้นอีก แต่เราก็กลัวผลเลือดมันจะเกิน 120 mg/dL หมอแนะนำให้กินชีส เพราะไม่มีผลต่อน้ำตาล ถั่วเหลือง เพิ่มข้าว เพิ่มเนื้อสัตว์ได้ แม่ยังกินเยอะได้เพราะน้ำหนักขึ้นไม่เยอะเลย
(เอาจริงๆถ้าเทียบกับน้ำหนักก่อนท้อง ก็ขึ้นมาแค่ 5 กิโลเอง หมอโภชนาการเค้าวัดจากน้ำหนักก่อนท้อง แต่ถ้าเริ่มจากน้ำหนักหลังแพ้ท้อง ที่ลดไป 5 กิโล ก็กลายเป็นเพิ่มมา 10 กิโลแล้ว)

ใจนึงเราไม่อยากกินชีส หรือถั่วมาก กลัวลูกจะแพ้อาหาร อุตส่าห์พยายามกินให้น้อยที่สุดมาตั้งนาน ไม่อยากจะให้มาแพ้เอาตอนไตรมาส 3

// เล่าให้สามีฟังว่า คนไทยโด๊บนม 2 ลิตร ไข่ 3-4 ฟองต่อวันเพื่อเพิ่มน้ำหนักลูก ฮีอึ้งไปเลย ถามว่า ต้องกินขนาดนั้นเลยหรอ ทำหน้าตกใจอีกต่างหาก (จริงๆเราเองยังตกใจเลย 555)

ก็เลยเสริชหาข้อมูลวิธีเพิ่มน้ำหนักลูกในครรภ์ ไปเจอบทความของป้าหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ หมอกุมารแพทย์ทารกที่เน้นเรื่องคุณค่าของนมแม่ เป็นหมอที่เราไม่เคยพบ แต่ก็นับถือมากๆคนนึง


สรุปได้ว่า ไม่ควรโด๊บอะไรมากไป และเด็กตัวเล็กเป็นเรื่องปกติของแม่ที่เป็นเบาหวาน แต่ให้พักผ่อนเยอะๆ นอนให้เพียงพอ เลือดจะได้ไปเลี้ยงลูกได้มากขึ้น แทนที่จะมาเลี้ยงแม่
เราเลยตั้งใจไว้ว่าจะลดการออกกำลังลงหน่อย จากที่เดินหลังอาหารวันละ 2 มื้อ คงลดเหลือวันละ 1 มื้อแทน วันไหนเดินไปเรียนโยคะ วันนั้นก็จะถือว่าเดินออกกำลังแล้ว ถ้ารู้สึกพุงอึดอัดก็ยกดัมเบล แกว่งแขนขาอยู่บ้านเอา
 







โชว์รูปพุง ถ่ายตอน 34 วีคพอดิบพอดี ^^
เดี๋ยวนี้เวลาส่งรูปแนวนี้ให้สามีดู ฮีจะชอบบอกว่า My 3 girls. :D


จริงๆเราก็ไม่ได้กังวลาเรื่องน้ำหนักลูกมากเท่าไหร่ เพราะไม่ได้น้อยจนน่ากังวล ราโฮปน้อยก็แข็งแรงดี อีกอย่างคือ วัดจากเครื่องอัลตร้าซาวด์มันไม่เสถียรหรอก คลอดออกมาก็อีกน้ำหนักนึงอยู่ดี ขอเน้นให้ลูกแข็งแรงก็พอ



สรุปวันนี้แฮปปี้ดีนะ ถึงจะต้องไปหาหมอคนเดียว เจอหมอ 2 คน โดนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จากหมอสูติ โดนเจาะเลือดไป 2 หลอด ตรวจกลูโคสกับอะไรอีกสักอย่าง และตรวจฉี่จากหมอโภชนาการ พูดภาษาเกาหลีที่เราไม่คล่อง แต่เราก็ผ่านมาได้ รู้สึกโล่งมากๆ เหมือนแบบ เออ เราก็ทำได้อ่ะ ภูมิใจในตัวเองเล็กน้อย อิอิ แต่ถ้าสามีมาด้วยจะแฮปปี้กว่านี้แน่นอน ^_______^




Wednesday 5 November 2014

preparing for baby 01 and some more baby's clothes


* * *

เมื่อวีคเอ็นที่ผ่านมา คุยกับสามีว่าอยากซื้อน้ำยาซักผ้าเด็ก เพราะอยากจะซักเตรียมไว้ก่อนเลย เห็นใครๆเค้าก็ซักกันแล้ว เรานี่ของทุกอย่างยังอยู่ในแพ็คเก็จอย่างดีเสมือนเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน 55555
จากตอนแรกที่คิดว่าจะซื้อพวกน้ำยาซักผ้าออร์แกนิค ก็เปลี่ยนใจมาซื้อยี่ห้อธรรมดาที่หาซื้อได้ตามมาร์ททั่วไป เวลาหมดแล้วก็หาซื้อง่ายดี แถมราคายังไม่แพงจนเกินไป กลิ่นหอมมากด้วย ซักเสร็จแล้วกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้านเลย แต่พอโดนแดดแห้งแล้วกลิ่นมันหายไปซะงั้น -___-










เนื่องจากระเบียงบ้านเล็ก ราวตากผ้าก็เล็ก เลยต้องทะยอยๆซัก ไม่งั้นไม่มีที่จะตาก

เมื่อวานเป็นวันแดดดี บวกกับไม่มีคลาสโยคะ เลยซักพวกผ้าเช็ดหน้า กับพวกเสื้อผ้าก่อน ใช้เวลาซักร่วมชั่วโมง เพราะต้องซักมือ เครื่องซักผ้าที่ใช้อยู่เป็นแบบฝาหน้า จริงๆมีโหมด เบบี้บับเบิ้ล ด้วย แต่ปัญหาคือ น้ำยาซักผ้ามันเป็นของผู้ใหญ่ และใส่ค้างไว้ หมดก็เติมไปเรื่อยๆ เลยจำใจต้องซักมือ

// คาดว่าหลังคลอดแล้วก็คงยังต้องซักมืออยู่ดี ด้วยเหตุผลที่ว่ามาข้างบน เป็นซอมบี้แน่ๆเรา T___T

// ว่าจะฝากแม่ซื้อผ้าอ้อมจากไทยเพิ่มอีกสัก 1 โหล ผ้าอ้อมผืนขนาด 27*27 ที่เกาหลีเหมือนจะไม่มีเลย ส่วนใหญ่จะใหญ่กว่า ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำลายก็เล็กไปหน่อย แต่เท่าที่เดินๆผ่านแม่ลูกอ่อนทั้งหลาย ไม่มีใครพกผ้าอ้อมจริงๆ คงเพราะไม่มีใครอุ้มพาดบ่าออกไปข้างนอกแบบบ้านเรา ส่วนใหญ่ก็ใส่รถเข็น ไม่ก็เป้อุ้มเด็ก ที่มีที่ครอบไว้ซับน้ำลายอยู่แล้ว





มาเช้านี้ผ้าที่ซักไว้แห้ง ก็พับเก็บใส่ถุงซิปล็อคกันฝุ่น แล้วก็เก็บลงกล่องอีกที

บ้านเรายังไม่ซื้อพวกลิ้นชัก หรือตู้เสื้อผ้าเด็ก เพราะมีแพลนจะย้ายบ้านซัมเมอร์ปีหน้า ราโฮปน้อยก็จะอายุประมาณ 6-7 เดือน เสื้อผ้าคงยังไม่เยอะมาก(หวังว่านะ) เลยจะใช้วิธีเก็บใส่กล่องแบบนี้ไปเรื่อยๆก่อน :)
แต่พอหลังคลอด เริ่มเอาของออกมาใช้ คงไม่ได้ใส่ซิปล็อคอะไรแบบนี้แล้ว เพราะแม่ขี้เกียจ 555

เห็นในบล็อคคนเกาหลี แม่ๆบางคนพอซักเสร็จก็รีดผ้าอ้อมด้วย แต่แม่คนนี้คงจะไม่ทำ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นน่ะ ขี้เกียจด้วย อย่างที่บอก >_____<










ส่วนวันนี้ซักพวกผ้าห่ม ผ้าห่อตัว ผ้ายางกันฉี่ซึม ผ้าเอนกประสงค์ที่จะใช้เป็นผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน(ที่คิดว่าแรกๆคงยังไม่ใช้อยู่ดี) และที่กันน้ำลายใส่กับเป้อุ้มเด็ก

// ผ้าห่มเยอะมากจริงๆ -"-

ใช้เวลาซักร่วมชั่วโมงอีกเช่นกัน ก้มๆเงยๆจนปวดหลังเล็กน้อยเลย >____<

แต่ตอนเตรียมของแบบนี้ มีความสุขกว่าตอนซื้อของอีกนะ เหมือนกับว่า มันใกล้เวลาแล้วจริงๆ ใกล้จะได้เจอกัน ได้กอด ได้หอม หลังจากที่เห็นกันแค่ผ่านหน้าจอเหลี่ยมๆกันเท่านั้น ^_____^








เมื่อวานสามีไปกินข้าวเย็นกับเพื่อน พอกลับมาบ้านก็มีถุงมาอีก 1 ถุง เป็นพวกเสื้อผ้าอีกแล้ว เพื่อนสามีเอาเสื้อผ้าเด็กที่เค้าไม่ได้ใช้แล้วมาให้ ลูกสาวเหมือนกันซะด้วย โชคดีมากๆ :D





เพื่อนสามีบอกว่า ใส่ไปแค่ไม่กี่ครั้ง เพราะลูกเค้าคลอดตอนกุมพา หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าสปริง ช่วงเปลี่ยนฤดู เด็กก็โตเร็ว ปีหน้าก็ใส่ไม่ได้แล้ว เลยเอามาให้ มีตัวนึงยังไม่แกะป้ายเลยด้วย
ซึ่งเราชอบมากๆ ตอนแรกคิดว่าช่วงสปริงจะต้องออกไปหาซื้อเสื้อผ้าอีก ที่ยังไม่ซื้อก่อนเพราะยังไม่รู้ไซส์ แต่นี่ได้มาฟรีๆ ไซส์ใหญ่หน่อย คิดว่าน่าจะใส่ได้พอดีๆ ^^






มีถุงมือ 2 คู่ กับถุงเท้าอีกจำนวนนึง 





ชอบถุงมือ กับถุงเท้านี้มาก น่าร๊ากกกกกกกกก XD~~~




แต่ที่ถูกใจที่สุดคือชุดนี้.....





ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะหาซื้อบอดี้สูทแบบนี้ ไว้เวลาออกไปข้างนอกตอนหนาวๆ ปรากฏว่าได้มาพอดีเลย ดีใจมากๆ แบบก็น่ารักมากด้วย ^_______^

แต่ชุดพวกนี้คงไว้ซักทีหลัง ไม่รีบๆ ยังมีเวลา ^^



ตอนนี้เรื่องเตรียมของบ้านเราติดปัญหาเรื่องเตียงมากๆ ว่าจะเช่า หรือจะซื้อ เพราะอย่างที่บอกว่าจะย้ายบ้าน ถ้าเช่าก็แค่ 6-7 เดือน ราคารับได้ ย้ายบ้านแล้วมีห้องลูกส่วนตัวค่อยซื้อเตียงใหม่ แบบใหญ่หน่อย แต่ยังมีที่กั้น
ที่คิดอีกอย่างนึงคือ อีกประมาณ 2 ปีครึ่ง ครอบครัวเราอาจจะได้ย้ายไปต่างประเทศ ส่วนจะประเทศไหนนั้นแล้วแต่ว่าบริษัทที่สามีทำงานจะส่งไป แต่คิดๆไว้ว่าคงได้ไปเมกา 80% เพราะทีมที่สามีทำงานอยู่เป็นทีมที่ต้องติดต่อกับเมกา (แต่ใจจริงเราอยากได้ยุโรป อย่าง ออสเตรีย หรือ เบลเยี่ยม มากกว่านะ ><)
แล้วถ้าซื้อเตียง ตอนมีลูกคนที่ 2 ที่แพลนไว้ว่าอีก 2 ปีจะมี ก็ต้องขนเตียงไปด้วย ลำบากขนของอีก สู้ไปซื้อใหม่เอาที่โน่นเลยน่าจะง่ายกว่า เลยยังคิดกันไม่ตกสักทีว่าจะเอายังไงดีหนอ

ปล. ไม่ต้องห่วงจินดัลเร เพราะเราคุยกันไว้นานแล้วว่า ไม่ว่าจะย้ายไปไหนบนโลกใบนี้ เราก็จะพาจินไปด้วย ไม่ทิ้งไว้ที่นี่แน่นอน :)




ช่วงนี้ก็พยายามเตรียมของ แล้วก็จัดโต๊ะ จะ DIY โต๊ะเขียนหนังสือมาเป็นโต๊ะเปลี่ยนแพมเพิส เราไม่อยากซื้อโต๊ะเปลี่ยนโดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะไม่มีที่แล้ว คิดว่าคงใช้ไม่นานด้วย เลยกะว่า DIY แบบนี้น่าจะดีกว่า ก็แค่เก็บของลงให้หมอ แล้วปูเบาะ ปูผ้าเอา ประหยัดไปได้อีก
แต่เก็บโต๊ะเท่าไหร่ก็ยังไม่เสร็จสักที เพราะของกระจุกกระจิกเยอะมาก ตามประสาคนชอบซื้อแต่ไม่ชอบเก็บของ หนังสือของสามีก็ว่าจะเอาไปบริจาคห้องสมุดเอา ไหนๆก็อ่านจบแล้ว ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม ของอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นก็คงทิ้งหมด เวลาย้ายบ้านจะได้ไม่ต้องมานั่งเลือกของทิ้งอีกรอบ ^^